วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

Software pirate คืออะไร

Software pirate คืออะไร
การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ (Software  Piracy)  คือ  การทำซ้ำหรือดัดแปลง  การเผยแพร่ซอฟต์แวร์ต่อสาธารณะชน  การให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนาซอฟต์แวร์  ตลอดจนการแสวงหากำไรจากซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายตามค่าลิขสิทธิ์ที่กำหนดไว้

สำหรับผู้ใช้งานไอทีทั่วไป  มีโอกาสที่จะละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ได้จากหลายสาเหตุ  ไม่ว่าจะเป็นการไม่เข้มงวดกับข้อบังคับขององค์กร  หรือแม้กระทั่งการเพิกเฉยของผู้เชี่ยวชาญ  นอกจากนี้  งานวิจัยบางผลงาน  (โดย  ดร. Whitman)  ได้กล่าวว่า  การละเมิดลิขสิทธิ์นั้น  ส่วนหนึ่งมาจากทัศนคติ (Attitude) ของประชาชนในแต่ละประเทศต่อเรื่องดังกล่าว  เช่น  ประเทศสหรัฐอเมริกา  จะมีความอดทนต่อการละเมิดลิขสิทธิ์น้อยมาก  นั่นแสดงให้เห็นว่า  ประเทศสหรัฐอเมริกามีกฎหมายและการปฏิบัติที่เข้มงวดต่อการละเมิดลิขสิทธิ์มาโดยตลอด  ทำให้พลเมืองมีทัศนคติเป็นไปในทางเดียวกัน  คือมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการละเมิดลิขสิทธิ์
ตรงกันข้ามกับกลุ่มประเทศในฝั่งทวีปเอเชียที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์สูงที่สุด  โดยปัจจัยหนึ่งที่อาจเป็นสาเหตุคือ “กฎหมาย  บทลงโทษ  และการปฏิบัติที่ไม่เคร่งครัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”  นอกจากนี้  อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ  คือ  ประชาชนพบเห็นการค้าขายซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายอย่างอิสระจำนวนมาก  นั่นคือ  พบว่ายังมีการละเมิดลิขสิทธิ์ในสังคมบางส่วน  ทำให้ทัศนคติของคนในประเทศไม่รุนแรงต่อการกระทำที่ละเมิดลิขสิทธิ์นั่นเอง
สำหรับประเทศไทย  ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่น่าจับตามองมากที่สุดในการละเมิดลิขสิทธิ์ประจำปี พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) โดยเป็นการจัดอันดับของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา  (United  State  Trade  Representative )  ที่แสดงในงาน 2009 Special  301  Report  ซึ่งเป็นรายงานแสดงถึงความพยายามของประเทศสมาชิกในการบังคับใช้กฎหมายการคุ้มครองลิขสิทธิ์  ดังนั้น  จึงกล่าวได้ว่า  นอกจากกฎหมายแล้ ว การปรับทัศนคติ  และการสร้างจิตสำนึกในจริยธรรมอันดีในการใช้งานซอฟต์แวร์ที่ผู้อื่นผลิตขึ้นมาอย่างยากลำบากนั้น  ย่อมเป็นเรื่องสำคัญที่ควรมีการรณรงค์ควบคู่กันไป
การใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างไม่เหมาะสม
เช่น  การเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ในเวลางาน,  เข้าเว็บไซต์ลามกอนาจาร,  การดาวน์โหลดภาพยนตร์  เพลง  หรือ  ซอฟต์แวร์อื่นๆ โดยใช้อินเทอร์เน็ตขององค์กร,  การสนทนากับเพื่อนด้วยโปรแกรม  Windows   Live  Messenger และ  การเล่นเกมในเวลางาน  เป็นต้น  พฤติกรรมดังกล่าวจัดว่าเป็นการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ขององค์กรอย่างไม่เหมาะสม  ซึ่งนอกจากทำให้ปริมาณงานลดน้อยลงแล้ว  ยังทำให้องค์กรมีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ด้วย  เช่น  การ Forward  E-mail  ลามกอนาจาร  เป็นต้น
การแบ่งปันสารสนเทศอย่างไม่เหมาะสม
เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญด้านไอที  ผู้ใช้งานไอทีในองค์กรและผู้ใช้ทั่วไป  มักมีการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารระหว่างกันอยู่เสมอ  ซึ่งเนื้อหาของข้อมูลข่าวสารที่แลกเปลี่ยนกันบางครั้งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น  เช่น  เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า  ซัพพลายเออร์  เป็นต้น  นอกจากนี้  พนักงานในองค์กรที่ทราบข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้า  เช่น  แผนงานโปรโมชั่นทางการตลาด  สูตรการผลิต  กระบวนการผลิต ซึ่งบางครั้งมักสนทนากับเพื่อนโดยการเล่าให้เพื่อนฟัง  นับว่าเป็นการเปิดเผยความลับขององค์กรให้บุคคลอื่นทราบ  ความลับดังกล่าวอาจไปถึงมือคู่แข่งทางธุรกิจและสร้างความเสียหายแก่องค์กรได้ในที่สุด


อ้างอิงจาก

https://lovetal1112.wordpress.com/บทที่-2/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น